คริสเตียโน โรนัลโด ถูกตั้งข้อหาละเมิดกฎของเอฟเอในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากจบเกมที่ปีศาจแดงบุกไปเยือนเอฟเวอร์ตันเมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา
เกมนั้นคริสเตียโน โรนัลโด ลงสนามเป็นตัวจริงให้กับปีศาจแดงในขณะที่พวกเขาเดินทางไปยังกูดิสันพาร์คเพื่อแข่งขันกับท๊อฟฟี่ในศึกพรีเมียร์ลีก นักเตะทีมชาติโปรตุเกสรายนี้ไม่สามารถทำผลงานส่วนตัวเพื่อกดดันเจ้าบ้านได้เลยตลอดทั้งเกมก่อนที่เจ้าตัวจะโดนใบเหลืองในนาทีที่ 87 ก่อนที่สุดท้ายแล้วแมนยูไนเต็ดจะพ่ายแพ้ต่อเอฟเวอร์ตัน 1-0 ในวันนั้น หลังการแข่งขันมีจังหวะที่โรนัลโดทุบโทรศัพท์มือถือของเด็กรายหนึ่งด้วยความหงุดหงิดเพราะเขาไม่พอใจที่แฟนบอลของเจ้าถิ่นรุมโห่เขาจากอัฒจันทร์ขณะที่เขากำลังเดินลงอุโมงค์ หลังจากนั้นอดีตสตาร์เรอัล มาดริด ได้ออกมาขอโทษสำหรับการกระทำของเขาในภายหลัง และโพสต์รูปภาพในบัญชีโซเชียลมีเดียของเขาพร้อมคำบรรยายใต้ภาพต่อไปนี้ “มันไม่ง่ายเลยที่จะจัดการกับอารมณ์ในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นที่เราเผชิญ อย่างไรก็ตาม เราต้องให้เกียรติ อดทน และเป็นแบบอย่างสำหรับเยาวชนที่รักเกมที่สวยงามเสมอ ผมอยากจะขอโทษสำหรับการระเบิดอารมณ์ของผม และถ้าเป็นไปได้ผมอยากจะเชิญแฟนบอลคนนั้นไปดูเกมที่โอลด์แทรฟฟอร์ด ที่ที่เป็นสัญลักษณ์ของการเล่นที่ยุติธรรมและความมีน้ำใจนักกีฬา”
เกือบห้าเดือนครึ่งต่อมา เอฟเอได้ตัดสินใจที่จะลงโทษแข้งชาวโปรตุเกสสำหรับการกระทำของเขาในวันนั้น ไซมอน สโตน แห่งบีบีซี รายงานว่า การกระทำของคริสเตียโน โรนัลโด ถือว่าไม่เหมาะสมและเป็นความรุนแรง ในขณะเดียวกันต้นสังกัดของโรนัลโดอย่างแมนยูไนเต็ดก็ได้ทวีตข้อความลงทวิตเตอร์หลังจากมีการประกาศจากทางเอฟเอออกมา “เราทราบประกาศของเอฟเอเกี่ยวกับกรณีของคริสเตียโน โรนัลโด เราจะสนับสนุนผู้เล่นในการตอบสนองต่อข้อกล่าวหานี้”
เกมกับเอฟเวอร์ตันนั้นเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่คริสเตียโน โรนัลโด ได้รับโอกาสลงเล่นให้ยูไนเต็ดเป็นประจำภายใต้การคุมทีมชั่วคราวของราล์ฟ รังนิค ก่อนที่ซูเปอร์สตาร์ชาวโปรตุเกสจะทำผลงานส่วนตัวหลังจากสิ้นสุดฤดูกาล 2021-22 ด้วยการลงเล่นในพรีเมียร์ลีก 30 นัดซึ่งเขาลงเป็นตัวจริงถึง 27 นัด แต่ภายใต้ผู้จัดการทีมคนปัจจุบัน มีเพียงหนึ่งจากหกเกมที่โรนัลโดได้ลงสนามเป็น 11 ตัวจริง พร้อมกับข้อเท็จจริงที่ว่าเขายังไม่ได้ยิงประตูในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้เลย ซึ่งห่างไกลจากจำนวน 18 ประตูที่เขาทำได้เมื่อฤดูกาลที่แล้ว