“ผมเคารพสโมสรอย่างมาก” วิลเลี่ยนกล่าวว่าเขาจะไม่ฉลองหากเขาทำประตูได้หลังจากกลับมายังพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง

วิลเลี่ยน เพิ่งย้ายมายังฟูแล่มในช่วงซัมเมอร์นี้ซึ่งเป็นการกลับมาสู่พรีเมียร์ลีกอีกครั้งหลังจากผ่านไปเพียงปีเดียว

วิลเลี่ยน

การลิ้มรสชาติฟุตบอลอังกฤษครั้งแรกของเขาคือการลงเล่นให้กับเชลซี สโมสรที่เซ็นสัญญาคว้าตัวเขามาจากสโมสรอันจิ มาคัชคาร่าจากรัสเซีย ด้วยเงินกว่า 30 ล้านปอนด์ในช่วงซัมเมอร์ปี 2013 แข้งตัวเก๋ารายนี้ใช้เวลาเจ็ดฤดูกาลกับเชลซีโดยทำไปได้กว่า 63 ประตูและแอสซิสต์อีก 62 ครั้งจาก 339 นัดที่ลงสนามให้สโมสรในทุกรายการ นอกจากนี้ เขายังมีส่วนร่วมพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัยและแชมป์ยูฟ่ายูโรป้าลีกก่อนที่จะย้ายไปเล่นให้กับอาร์เซนอลแบบไร้ค่าตัวในปี 2020 โดยช่วงเวลาของเขากับอาเซนอลไม่ค่อยราบรื่นนักจนกระทั่งเขาย้ายกลับไปเล่นที่บ้านเกิดกับสโมสรโครินเธียนส์ในปี 2021 อย่างไรก็ตาม เมื่อฟูแล่มติดต่อไป นักเตะวัย 34 ปีก็ยกเลิกสัญญากับทีมในลีกบราซิลและย้ายมายังเจ้าสัวน้อยแบบไร้ค่าตัว เมื่อถูกถามโดย The Athletic เกี่ยวกับโอกาสในการฉลองประตูถ้าหากว่าเขาสามารถยิงสโมสรเก่าของเขาได้ วิลเลี่ยนบอกว่า “ถ้าผมต้องยิงพวกเขา ผมก็จะทำ แต่ผมจะไม่ฉลองประตู ผมต้องเคารพพวกเขา ผมอยู่ที่นั่นมา 7 ปีแล้ว ผมเคารพสโมสรและแฟนๆ อย่างมาก”

วิลเลี่ยน เผยเกือบย้ายไปท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ก่อนที่จะย้ายมาเชลซีในที่สุด

ในช่วงแรกวิลเลี่ยนใกล้จะย้ายไปท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์แล้วในปี 2013 ก่อนที่การเจรจาในขั้นตอนสุดท้ายกับเชลซีจะเปลี่ยนใจเขา ซึ่งเขาเรียกว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในเส้นทางการค้าแข้งของเขา “เชลซีติดต่อมาในวันที่ผมจะเซ็นสัญญากับสเปอร์ส ผมอยู่ที่สนามซ้อมของท็อตแน่มเพื่อตกลงกันในขั้นตอนสุดท้าย แต่เมื่อมีสายเข้ามา เอเยนต์ของผมบอกกับผมว่า เชลซีแค่โทรหาผม พวกเขาต้องการคุณ ผมบอก ตกลง ผมอยากไปที่นั่น จากนั้นผมก็ออกจากสนามซ้อม กลับไปที่โรงแรม มันเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากเพราะผมตกลงที่จะย้ายไปสเปอร์สแล้วในตอนนั้น แต่ในใจของผมก็บอกว่าเชลซีดูดีกว่า และเมื่อข้อตกลงระหว่างอันจิและเชลซีเป็นไปด้วยดีผมก็แค่อยากไปที่นั่น ซึ่งสุดท้ายแล้วมันเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในเส้นทางอาชีพของผม” จนถึงตอนนี้ วิลเลี่ยนลงเล่นในพรีเมียร์ลีกให้กับฟูแล่มไปแล้ว 2 เกมในฤดูกาลนี้ โดยทำแอสซิสต์ได้หนึ่งครั้ง จากเดิมฟูแล่มมีคิวลงสนามพบกับเชลซีในวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา แต่การสวรรคตของควีนอลิซาเบธที่2  ทำให้เกมการแข่งขันต้องเลื่อนออกไป