มีรายงานว่ากองหน้าของเปแอสเชอย่าง คีเลี่ยน เอ็มปัปเป้ ต้องการให้สโมสรเซ็นสัญญากับ มาร์คัส แรชฟอร์ด มาจากแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในช่วงซัมเมอร์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปตามรายงานของ RMC Sport
อนาคตของแรชฟอร์ดที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ดอยู่ภายใต้เครื่องหมายคำถามหลังจากมีฟอร์มในฤดูกาล 2021-22 ที่ค่อนข้างย่ำแย่ เขาทำได้เพียง 5 ประตูเท่านั้นจากทุกรายการของยูไนเต็ด อย่างไรก็ตาม กลับมีข่าวลือว่าสโมสรจากฝรั่งเศสให้ความสนใจที่จะพาเขาไปเล่นที่ถิ่น Parc des Princes โดยหนึ่งในนั้นคือเอ็มปัปเป้ที่เร่งเร้าสโมสรมากเป็นพิเศษเพื่อดึงเอากองหน้าชาวอังกฤษรายนี้ไปร่วมทีมให้ได้ หลังจากที่เอ็มปัปเป้เซ็นต่อสัญญาฉบับใหม่กับเปแอสเชไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ภายใต้สัญญานั้นระบุเพิ่มเติมว่าเขาจะได้รับอำนาจในการเสนอดึงตัวนักเตะเข้ามาร่วมทีมซึ่งเอ็มปัปเป้ต้องการนักเตะ 4 คนซึ่งแรชฟอร์ดก็เป็นหนึ่งในผู้เล่นเหล่านั้น นอกจากนี้ยังมี อุสมาน เดมเบเล่ , โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ และ จิอันลูก้า สกามัคค่า แต่สุดท้ายแล้วความปรารถนาของเขากลับไม่เกิดขึ้นจริงเมื่อเดมเบเล่ต่อสัญญากับบาร์ซ่าออกไป ขณะที่เลวานดอฟสกี้ย้ายไปยังบาร์ซ่าในขณะเดียวกันสกามัคค่าก็ได้เซ็นสัญญากับเวสต์แฮม
ท่ามกลางความล้มเหลวในการเสริมผู้เล่นที่เอ็มปัปเป้ต้องการ ก็ยังมีเรื่องดีในทีมอย่างต่อเนื่องล่าสุดคือผลงานที่ค่อนข้างดีของผู้จัดการทีม คริสตอฟ กัลติเยร์ ด้วยชัยชนะเจ็ดนัดเก็บได้กว่า 22 แต้มจากแปดเกมส่งผลให้พวกเขามีแต้มตามเพียงโอลิมปิกมาร์กเซยในตารางคะแนนเท่านั้น ทางด้านเอ็มบัปเป้เองก็กำลังอยู่ในฟอร์มที่ดี โดยยิงได้ 10 ประตูจาก 9 เกม ขณะที่การเล่นร่วมกับลิโอเนล เมสซี่ และเนย์มาร์นั้นดูอันตรายกว่าที่เคย ในขณะที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด ก็ทำได้ 3 ประตูและจ่ายอีก 2 แอสซิสต์จากการลงเล่นให้กับปีศาจแดง 6 นัดในฤดูกาลนี้ ซึ่งแสดงถึงฟอร์มที่กลับมาในขณะที่เขาตั้งเป้าที่จะกลับไปสู่จุดที่ทำได้ดีที่สุดอีกครั้ง
เปแอสเชกลับมาลงสนามคืนนี้กับนีซ
หลังจากพักเบรกทีมชาตินานสองสัปดาห์ เปแอสเชจะกลับมาลงเล่นในคืนนี้พบกับนีซในลีกเอิง ซึ่งเกมนี้ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของช่วงเวลาที่ยุ่งวุ่นวายตลอดทั้งเดือน เปแอสเชเตรียมลงเล่นอีก 8 เกมในเดือนนี้ รวมถึงเกมใหญ่ที่จะพบกับมาร์กเซยซึ่งอาจเป็นตัวกำหนดฤดูกาลนี้ของพวกเขาเลยก็ได้ อย่างไรก็ตามด้วยการที่มีฟอร์มที่ยอดเยี่ยมในห้วงเวลานี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเล่นร่วมกันของ เอ็มปัปเป้ เมสซี่และเนย์มาร์ทำให้พวกเขาดูน่ากลัวมากกว่าที่เคยเป็นมา