ทีมชาติอังกฤษตกชั้นจากลีกเอของยูฟ่าเนชั่นลีก 2022-23 หลังจากพ่ายต่ออิตาลี 1-0 เมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา
ทีมของแกเร็ธ เซาธ์เกต ไม่สามารถเก็บชัยชนะได้แม้แต่เกมเดียวจากการแข่งขันทั้งหมดห้านัดในทัวร์นาเมนต์นี้ พวกเขายังไม่สามารถทำประตูแบบ Open play ได้ โดยทำได้เพียงประตูเดียวจากลูกจุดโทษ ความพ่ายแพ้ล่าสุดต่ออิตาลีจึงทำให้พวกเขาหล่นไปเล่นยังลีกบีของเนชั่นส์ลีกฤดูกาล 2024-25
ทีมที่อังกฤษมีโอกาสจะปะทะด้วยก็คือ มอนเตเนโกร ฟินแลนด์ แอลเบเนีย คาซัคสถาน หรือจอร์เจีย โดยรอบแบ่งกลุ่มอังกฤษจะถูกจัดให้อยู่ในโถ 1 ร่วมกับเวลส์ สาธารณรัฐเช็ก และออสเตรีย นอกจากนี้พวกเขายังอาจต้องเผชิญหน้ากับไอซ์แลนด์ซึ่งเอาชนะพวกเขาได้ 2-1 ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายในศึกยูโร 2016 ด้วย นอกจากอังกฤษแล้ว เซอร์เบีย ยูเครน ไอร์แลนด์ ตุรกี สโลวีเนีย และกรีซ ก็มีแนวโน้มว่าจะตกชั้นมาอยู่ในลีกบีสำหรับเนชั่นลีกฤดูกาล 2024-25
แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือทีมชาติอังกฤษ กล่าวถึงสถานการณ์การทำทีมหลังจากพาทีมตกชั้นในเนชั่นส์ ลีก
งานของเซาธ์เกตอยู่ภายใต้แรงกดดันมหาศาลหลังจากการที่พวกเขามีอันร่วงหล่นไปยังลีกบีของยูฟ่าเนชั่นลีก มีการแสดงความเห็นเป็นวงกว้างว่าเหล่าผู้เล่นดูเซื่องซึมและไม่มีแรงผลักดันเพื่อไปสู่ชัยชนะ ผู้จัดการทีมทีมชาติอังกฤษยอมรับว่าเขากำลังอยู่ภายใต้แรงกดดันในการสร้างผลงานในฟุตบอลโลกที่กำลังจะมาถึง เขากล่าวผ่านBBC Sport หลังเกมที่บุกแพ้อิตาลีว่า “ผมรู้ดีว่าหลังจากนี้จะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง ผมไม่ได้โง่ ผมรู้ว่าสุดท้ายแล้วผมจะถูกตัดสินอนาคตของผมก่อนที่ฟุตบอลโลกครั้งนี้จะเริ่มขึ้น สัญญาที่ผมทำไว้มันก็เป็นเรื่องของสัญญา แต่สำหรับผลงานเราต้องมาดูกันในรายละเอียด ผู้จัดการทีมสามารถทำสัญญาได้สาม, สี่, ห้าปี และหากผลงานออกมาไม่ดีพอและคุณยอมรับไม่ได้มันถึงเวลาแยกทางกัน แต่ทำไมผมถึงแตกต่างออกไป ผมไม่หยิ่งมากพอที่จะคิดว่าการที่ยังมีสัญญาจะทำให้ผมรู้สึกปลอดภัยในตำแหน่ง” ทั้งนี้แกเร็ธ เซาธ์เกต เคยพาอังกฤษเข้าสู่รอบรองชนะเลิศของฟุตบอลโลกปี 2018 โดยที่พวกเขาแพ้ให้กับโครเอเชีย จากนั้นเขาก็พาทีมทะลุไปสู่รอบชิงชนะเลิศของยูโร 2020 ซึ่งพวกเขาพ่ายต่ออิตาลีในนัดชิง สำหรับฟุตบอลโลกที่กำลังใกล้เข้ามาทีมของเซาธ์เกตถูกจัดกลุ่มร่วมบีกับอิหร่าน เวลส์ และสหรัฐอเมริกา โดยพวกเขามีคิวจะพบกับอิหร่านเป็นเกมแรกในวันที่ 21 พฤศจิกายน